สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกอาจเป็นโรค Asperger’s Syndrome

Asperger’s Syndrome เป็นโรคระบบประสาทผิดปกติ อยู่ในกลุ่มเดียวกับออทิสติก โรคนี้ถูกประกาศออกมาครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1940 โดยนายแพทย์ Hans Asperger กุมารแพทย์ชาวออสเตรีย พบว่าคนไข้ของเขา ส่วนมากแล้วเป็นเด็กผู้ชายซึ่งมีความฉลาด มีสติปัญญาปกติ แต่กลับมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม มีพฤติกรรมหมกมุ่น ชอบทำอะไรเดิมๆ ไม่รู้ว่าจะอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างไร ทั้งที่ตัวเองพูดคุยได้ปกติ
ในปัจจุบันนี้พบอัตราผู้ป่วยที่จะเป็นโรค Asperger’s Syndrome ร่วมกับโรคออทิสติก รวมทั้งโรคอันเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางประสาทอื่น ๆ ทั่วโลกประมาณ 1 ต่อ 1,000 ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นมาก
Asperger’s Syndrome เกิดจากอะไร
Asperger’s Syndrome เกิดจากการทำงานของสมองผิดปกติ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า มีสาเหตุมาจากอะไร ถึงแม้จะมีงานวิจัยออกมาหลายชิ้นก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ในปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า น่าจะเกิดจากความบกพร่องของสารพันธุกรรม แต่ก็ยังบอกไม่ได้อีกว่าเกิดจากการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นที่ค่อยๆ สะสมความผิดปกติมาจนแสดงออก หรือเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน แต่ก็มีอีกความเชื่อหนึ่งคือ เกิดจากสภาพแวดล้อม สุดท้ายก็ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัด
เด็กที่เป็น Asperger’s Syndrome เริ่มแสดงอาการ ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ แต่อาการชัดเจนอย่างที่สุดเมื่ออายุระหว่าง 5-9 ขวบ โดยโรคนี้ไม่ได้แสดงออกทางรูปร่าง หน้าตา แต่จะแสดงออกมาให้เห็นทางพฤติกรรมแทน สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ด้าน คือ
ด้านภาษา
• Asperger’s Syndrome สามารถใช้ภาษาสื่อสารกับคนอื่นได้เหมือนเด็กปกติ แต่จะไม่เข้าใจในเรื่องที่พูด โดยเฉพาะ มุกตลก คำเปรียบเปรย คำเสียดสี จะไม่เข้าใจเลย
• ชอบพูดเรื่องของตัวเองมากกว่าเรื่องอื่นๆ พูดแต่เรื่องซ้ำๆ เดิมๆ วนเวียนไปมา
• มีปัญหากับ คณิตศาสตร์ หรือการเขียน
• ไม่รู้จักการทักทาย อยากถามอะไรก็จะพูดออกมาแบบดื้อๆ เลย โดยไม่เกริ่นอะไรมาก่อน
ด้านสังคม
• ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ชอบอยู่คนเดียว
• มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอย่าง ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่มีมารยาท
• เวลาพูดคุยจะไม่ค่อยมองหน้า ไม่สบตา
• ไม่อยากเข้าร่วมสนุก หรือร่วมงานกับคนอื่นใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านพฤติกรรม

• หมกมุ่น สนใจมากกับเรื่องที่ชอบ โดยเฉพาะเรื่องที่มีความซับซ้อน เช่น วงจรไฟฟ้า ยี่ห้อจักรยาน ดนตรีคลาสสิก ไดโนเสาร์ ระบบสุริยจักรวาล เป็นต้น มีความ รู้ลึก รู้จริง รวมทั้งมีความสามารถสูงมาก
• เปลี่ยนความสนใจได้ง่าย มีสมาธิสั้น
• ท่วงท่าการเดิน ดูงุ่มง่าม ไม่คล่องตัว
• อาจพูดหรือมีพฤติกรรมบางอย่างไม่เหมาะสม เช่น กินข้าวร้านนี้ไม่อร่อย เวลาเดินผ่านคนที่เป็นโรคนี้ก็จะพูดขึ้นมาเลยว่า ข้าวร้านนี้ไม่อร่อย !!