ทักษะทางสังคม

การรับมือกับโรค  Asperger

เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักโรค Asperger กันมาบ้างแล้วว่าโรคนี้คือโรคที่มีความคล้ายคลึงกับโรคออทิสติก คือเป็นโรคที่เกิดจากปัญหาทางด้านสมองส่งผลมายังพฤติกรรมที่กลายเป็นคนทำอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขา ไม่ชอบการเข้าสังคม ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ วนไปวนมา แม้จะเป็นโรคที่ใกล้เคียงกับออทิสติก แต่ระดับอาการก็ไม่ได้จะเหมือนกันเสียทีเดียว หลายอาการที่โรค Asperger สามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่านี่คือคนที่กำลังเป็นอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อรู้สึกว่าลูกหรือคนในบ้านเรามีอาการป่วยเป็นโรค Asperger ก็ควรที่จะต้องเรียนรู้วิธีในการรับมือกับโรคนี้เพื่อไม่ให้กลายเป็นภาระหรือกลายเป็นปัญหาในอนาคต

อันดับแรกสุดในการจะรับมือกับโรค Asperger พ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนจำเป็นจะต้องเข้าใจในธรรมชาติของการเป็นโรคนี้เสียก่อน อย่าพึ่งไปด่วนสรุปว่าลูกหลานหรือคนในบ้านของเราป่วย แม้หากว่าเป็นการป่วยจริงๆ ก็ตามเรื่องโรคพวกนี้กำลังใจบวกกับทัศนคติเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก การที่มีคนป่วยเป็นโรค Asperger อยู่ในครอบครัวพวกเขาไม่ใช่ปัญหาแต่พวกเขาคือคนป่วยคนหนึ่งที่จะต้องได้รับการดูแล การรักษาอย่างดีที่สุด เมื่อรู้ว่ามีคนในบ้านป่วยแล้วสิ่งต่อมาก็คือการศึกษาถึงรายละเอียดความรู้ของโรคนี้ พร้อมทั้งการเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาโรคอย่างจริงจัง มีรายงานว่าคนที่ป่วยเป็นโรค Asperger เมื่อได้รับการรักษาจะมีอาการดีขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้รับการรักษาหลายเท่าตัว เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องตกใจหรือว่ากลัวอะไรให้มากนัก สิ่งต่อมาที่จะต้องเรียนรู้ในการรับมือก็คือ การมีสติ ความใจเย็น การสอนที่ต้องพยายามหาเทคนิคบางอย่างเข้ามาช่วยเหลือเพื่อให้คนที่ป่วยเป็นโรค Asperger รู้สึกว่าเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง ลำพังการป่วยเป็นโรคแบบนี้ก็ทุกข์ใจมากพออยู่แล้วยิ่งมีคนซ้ำเติมเข้าอีกก็จะยิ่งไปกันใหญ่ เรื่องของอารมณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรับมือกับโรคแบบนี้ หากทุกคนทั้งคนป่วยและคนที่อยู่รอบข้างมีกำลังใจที่ดีโรคนี้ก็สามารถรับมือได้ไม่ยาก

แม้ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการรักษาโรค Asperger ยังไม่สามารถหาวิธีการที่รักษาให้หายขาดได้เช่นเดียวกับโรคออทิสติกเนื่องจากเป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อย่างไรก็ตามเราสามารถที่จะบำบัดตามอาการของโรคได้โดยไม่ต้องเป็นกังวลว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะอยู่ในสังคมได้หรือไม่ เพราะการบำบัดคือการฝึกให้พวกเขาพยายามที่จะแก้ปัญหาอาการด้วยตัวของเขาเอง การพยายามรับมือด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด